

![]() | ![]() |
ลอนดอน, 16 มิถุนายน 2568 /PRNewswire/ -- UPL Corporation Ltd. (UPL Corp) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ UPL Group Company (NSE: UPL) & (BSE: 512070) (LSE: UPL) ผู้ให้บริการโซลูชันการเกษตรแบบองค์รวมและยั่งยืนระดับโลก และ The Center of Excellence in Regulatory Science in Agriculture (CERSA) แห่งมหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรระดับชาติและนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์กำกับดูแลในภาคเกษตรกรรม ได้ร่วมกันประกาศว่าเกษตรกร นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรจากทั่วโลกต่างมารวมตัวกันที่ Rothamsted Research ในสหราชอาณาจักรเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด Global Mancozeb Summit
งานประชุมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ mancozeb ซึ่งเป็นสารกำจัดเชื้อราประเภทหลายจุดในกลยุทธ์การจัดการโรคแบบบูรณาการ โดยมี CERSA เป็นเจ้าภาพ และได้รับการสนับสนุนจาก UPL Corp การประชุมนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญระดับโลกของ mancozeb ในขณะที่ศาลทั่วไปแห่งสหภาพยุโรปเตรียมเปิดไต่สวนกรณีการต่ออายุการอนุมัติ mancozeb ในวันที่ 1 กรกฎาคม
"mancozeb เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานในการปกป้องพืชจากโรค" Mike Frank ซีอีโอของ UPL Corp กล่าวในช่วงกล่าวเปิดงาน "มันมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรที่ต้องจัดการกับโรคเชื้อราในพืช เช่น กล้วย ถั่วเหลือง มันฝรั่ง และพืชผักผลไม้ต่าง ๆ โดยสามารถปกป้องพืชได้จากหลายจุด ช่วยป้องกันการเกิดความต้านทาน และทำให้ผลผลิตคงที่ การประชุมนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของเกษตรกรรมและความเป็นอยู่ของโลกเรา"
Mancozeb และบทบาทสำคัญในการจัดการโรค
นับตั้งแต่ mancozeb ถูกเพิกถอนการอนุมัติในสหภาพยุโรปเมื่อปี 2563 และในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2567 เกษตรกรทั่วยุโรปและพื้นที่อื่น ๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายเพิ่มขึ้นในการควบคุมโรคเชื้อราและการต้านทานต่อสารกำจัดเชื้อราประเภทจุดเดียว การขาด mancozeb ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ปลูกมันฝรั่ง ผัก และผลไม้ ซึ่งเคยใช้เครื่องมือนี้ด้วยต้นทุนต่ำเพื่อป้องกันโรคและบริหารจัดการความต้านทาน
"เราต้องการใช้สารกำจัดศัตรูพืชน้อยลงกับพืชผลของเรา และ mancozeb ซึ่งเป็นเครื่องมือแบบหลายจุด ก็ช่วยให้เราทำเช่นนั้นได้" Catarina Pereira จากสมาคมมันฝรั่งโปรตุเกสหรือ Porbatata กล่าว "หากไม่มี mancozeb เกษตรกรจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่มีราคาแพงกว่าและต้องใช้ในปริมาณมากขึ้น"
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่าการขาด mancozeb นำไปสู่ผลกระทบรุนแรง โดยเฉพาะในการจัดการกับโรคใบไหม้ในมันฝรั่ง สายพันธุ์ที่ต้านทานสารจำพวก carboxylic acid amide และ oxathiapiprolin ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวางในเนเธอร์แลนด์ ภาคเหนือของเยอรมนี และเดนมาร์กในปี 2565 และ 2566 Jean-Paul Deneuville เกษตรกรชาวฝรั่งเศสและผู้แทนจาก FEDEPOM กล่าวว่า "ผู้ปลูกบางรายสูญเสียพืชผลทั้งหมดจากโรคใบไหม้ในปี 2567 หากไม่มี mancozeb เกษตรกรต้องฉีดสารกำจัดเชื้อรามากขึ้น 2–3 เท่า ซึ่งเพิ่มต้นทุนอย่างมาก"
ผู้ปลูกผลไม้ยังได้รับผลกระทบเช่นกัน "mancozeb เป็นหนึ่งในสามเครื่องมือที่เราใช้ในการควบคุมโรคแอปเปิลสแคบ" Xavier Le Clanche จาก Association Nationale Pommes Poires กล่าว "การสูญเสีย mancozeb ทำให้เรามีความสามารถลดลงในการต่อสู้กับโรคสแคบ และไม่มีทางแก้ไขใด ๆ สำหรับโรคราสนิม เกษตรกรจำนวนมากจึงเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากเกี่ยวกับการปลูกซ้ำหรือการย้ายฐานผลิตออกจากพื้นที่ดั้งเดิมบางแห่ง"
การเรียกร้องให้ตัดสินใจบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
การประชุมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทั่วโลกร่วมแสดงมุมมอง โดยเน้นย้ำถึงฉันทามติของชุมชนวิทยาศาสตร์ต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ mancozeb ทั้งนี้ David Cooke จาก James Hutton Institute กล่าวว่า "การขาด mancozeb ในโปรแกรมการใช้สารกำจัดเชื้อรา เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สายพันธุ์ต้านทานแพร่กระจาย การนำ mancozeb กลับมาใช้จะช่วยปกป้องผลผลิตอื่น ๆ และจัดการปัญหาความต้านทานได้"
ผู้ร่วมประชุมหลายรายคาดหวังว่าการไต่สวนของศาลสหภาพยุโรปที่จะมีขึ้น จะเป็นโอกาสในการทบทวนการตัดสินใจในปี 2563 โดย Oriane Vialle-Guerin ตัวแทนผู้ปลูกมันฝรั่งชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า "ยิ่งคุณจำกัดจำนวนเครื่องมือในการปกป้องพืชผลเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ความกดดันต่อเครื่องมือที่เหลืออยู่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และนั่นเร่งปัญหาความต้านทานให้รุนแรงยิ่งขึ้น"
เส้นทางข้างหน้า
เกษตรกรและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่ร่วมประชุมต่างแสดงความหวังว่าการตัดสินใจของศาลจะคำนึงถึงความมั่นคงทางอาหารและความสามารถในการเข้าถึงอาหารในราคาย่อมเยาสำหรับประชาชนในยุโรป ทั้งนี้ ตัวแทนจากโปรตุเกสได้กล่าวถึงผลกระทบเชิงบวกหากมีการนำ mancozeb กลับมาใช้อีกครั้ง ทั้งในด้านการปกป้องพืชผล การบริหารจัดการต้นทุน ความยั่งยืน และการลดปริมาณการใช้สารกำจัดศัตรูพืชโดยรวม
Adrian Percy ผู้อำนวยการบริหารของของ NC Plant Sciences Initiative (N.C. PSI) แห่งมหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนา แสดงความมั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้จะช่วยผลักดันความก้าวหน้าเชิงนโยบาย "การพูดคุยครั้งนี้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การใช้งานจริง และแนวทางในอนาคตของ mancozeb ถือเป็นสิ่งจำเป็น การที่เกษตรกรเข้าถึงเครื่องมือที่พวกเขาต้องการไม่ใช่เพียงเรื่องของเกษตรกรรมเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงด้านอาหารและความยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป"
ขณะที่การไต่สวนของศาลสหภาพยุโรปจะมีขึ้นภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ การประชุมสุดยอด Global Mancozeb Summit ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการตัดสินใจด้านกฎระเบียบที่ตั้งอยู่บนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มแข็งและข้อเท็จจริงจากประสบการณ์ของเกษตรกรจริง
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ: https://www.uplcorp.com/note-to-editors
โลโก้: https://mma.prnasia.com/media2/2393971/5370693/UPL_Corporation_Ltd_Logo.jpg?p=medium600
โลโก้: https://mma.prnasia.com/media2/2711172/CERSA_Logo.jpg?p=medium600

แสดงความคิดเห็น