

กว่างโจว, จีน, 21 สิงหาคม 2568 /PRNewswire/ -- รายงานข่าวจาก GDToday:
ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะในสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อความเป็นความตายระหว่างความยุติธรรมกับความชั่วร้าย แสงสว่างกับความมืดมิด เสรีภาพกับการเป็นทาส กลุ่มวีรบุรุษกลุ่มหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น เมื่อเปลวเพลิงแห่งสงครามลุกลามเข้าสู่ประเทศจีน แม้จะอยู่ข้ามมหาสมุทรอันไกลโพ้น พวกเขาก็ได้ทุ่มเงินเก็บเพื่อบริจาคหรือเข้าร่วมกองทัพอย่างแข็งขัน สร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันลบเลือนด้วยความจงรักภักดีและความทุ่มเทอันแน่วแน่ต่อมาตุภูมิ ท่ามกลางความโหดร้ายของพวกฟาสซิสต์แพร่กระจายไปทั่วทั้งภูเขาและทะเล พวกเขาได้ต่อสู้เคียงข้างพันธมิตรในฐานะ "ชาวจีน": ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยเครื่องบินรบ ออกปฏิบัติการลับหลังแนวข้าศึกเพื่อส่งข่าวกรอง และช่วยชีวิตท่ามกลางดงกระสุนในสนามรบทั่วยุโรป หมู่เกาะแปซิฟิก และป่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาได้เสียสละเพื่อแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้แห่งประชาคมเพื่ออนาคตร่วมกันแห่งมนุษยชาติ
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป South ได้เปิดตัวซีรีส์มัลติมีเดีย Brother In Arms: Overseas Chinese in the Global Struggle Against Fascism โดยมีเป้าหมายเพื่อขุดคุ้ยเศษซากทางประวัติศาสตร์ที่กระจัดกระจายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยยางรถยนต์ของอาสาสมัครพลขับและช่างเครื่องหนานหยาง (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) บนถนนพม่า (ทางหลวงยูนนาน-พม่า) ไปจนถึงเรือประมงที่ใช้ในการกู้ภัยฮ่องกงครั้งใหญ่ การข้ามเส้นทาง Hump ของนักบินจีนที่เสี่ยงชีวิต ไปจนถึงการต่อสู้ในป่าฝนของคาบสมุทรอินโดจีน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ การมีส่วนร่วมของแรงงานชาวจีนในการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี ไปจนถึงความพยายามกู้ระเบิดของหน่วยวิศวกรรมทหารจีนบนสนามรบยุโรป จากกล่องบริจาคในโครงการ "One Bowl of Rice" ในไชน่าทาวน์นิวยอร์ก ไปจนถึงบันทึกภาคสนามของแพทย์ชาวจีนในสงครามมอสโก
ผ่านมา 80 ปี เศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านี้ยังคงสะท้อนความอบอุ่นของมิตรภาพและความเป็นมนุษย์ที่ก้าวข้ามเชื้อชาติและสัญชาติ ไม่ใช่เพียงบทในประวัติศาสตร์การต่อต้านของจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกร่วมของมนุษยชาติในการต่อสู้กับฟาสซิสต์
ซีรีส์ชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่เสียชีวิตเพื่อสันติภาพ เพื่อให้มรดกของพวกเขายังคงอยู่ตลอดไป
"เป็นครั้งแรกที่ชื่อของพ่อผมปรากฏบนอนุสาวรีย์ระลึกอาสาสมัครพลขับและช่างกลหนานหยางในต่างประเทศ ประวัติศาสตร์ไม่ลืมพวกเขา" Zhang Yunpeng ทายาทของอาสาสมัครหนานหยาง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นขณะมองที่ไปที่ชื่อของบิดาอย่างอ่อนโยน
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม มาเลเซียได้เปิดตัวอนุสาวรีย์และหอรำลึกเพื่อรำลึกอาสาสมัครพลขับและช่างกลหนานหยาง ณ สุสาน Kwong Tong ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีผู้คนกว่าพันคนจากทั่วโลกมารวมตัวกันท่ามกลางสายฝนเพื่อระลึกถึงวีรบุรุษอาสาสมัครพลขับและช่างกลหนานหยาง หรือที่รู้จักในชื่อทางการว่า "Nanyang Volunteer Drivers and Mechanics Corps"
คำพูดที่สั่นเครือของ Zhang ได้เชื่อมช่องว่างของเวลาถึง 86 ปีโดยฉับพลัน
ในปี 2482 เมื่อกองกำลังญี่ปุ่นปิดล้อมท่าเรือจีน เส้นทางพม่าได้กลายเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งความช่วยเหลือนานาชาติมายังจีน ภายใต้การเรียกร้องของผู้นำชาวจีนโพ้นทะเล Tan Kah Kee เยาวชนชาวจีนกว่า 3,200 คนจากมาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย และพื้นที่อื่น ๆ ได้เดินทางกลับมายังจีนเพื่อเข้าร่วมสงครามต่อต้านญี่ปุ่น พวกเขาใช้มือเปื้อนน้ำมันจับพวงมาลัย ซ่อมรถที่ชำรุด และขนส่งเสบียงทหาร ท่ามกลางดงกระสุน แมลงพิษ และสัตว์ร้าย พวกเขาใช้เลือดเนื้อและชีวิตของตนเองเพื่อค้ำจุน "เส้นทางชีวิตที่แน่วแน่" ตลอด "ถนนแห่งความตาย" นี้
บันทึกระบุว่า ตั้งแต่ 2482-2485 เส้นทางพม่าถูกใช้ขนส่งเสบียงยุทธศาสตร์สำคัญกว่า 5 ล้านตัน รวมถึงปืนกล กระสุนปืนใหญ่ ยานพาหนะ น้ำมันเชื้อเพลิง และยา จากอาสาสมัครพลขับและช่างกลหนานหยาง 3,200 คนนี้ มากกว่า 1,000 คน ได้เสียสละอย่างกล้าหาญบนเส้นทางพม่า ผู้ที่รอดชีวิตได้เดินทางกลับหนานหยางหลังจากปลดประจำการ โดยบางส่วนยังคงอยู่ต่อเพื่อช่วยสร้างประเทศจีนขึ้นใหม่
วันนี้ แม้ว่าวีรบุรุษที่รู้จักกันในชื่ออาสาสมัครพลขับและช่างเครื่องหนานหยางได้ล่วงลับไปแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ถูกลืม เหล่าลูกหลานได้เดินตามรอยเท้าของบรรพบุรุษเพื่อสืบสานมรดกทางประวัติศาสตร์ และแบ่งปันเรื่องราวของเขา พร้อมกับสร้าง "สะพานหุยทง" แห่งใหม่ที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

แสดงความคิดเห็น