
ในระหว่างการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปก (APEC) ครั้งที่ 32 ที่เมืองคย็องจู (Gyeongju) CGTN ได้เผยแพร่บทความที่เน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมและวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน เกี่ยวกับความเปิดกว้างและพหุภาคีนิยม เพื่อมอบแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในการสร้างประชาคมเอเชีย-แปซิฟิก และกล่าวถึงวิธีที่โครงการริเริ่มที่จีนเสนอรวมทั้งความร่วมมือในโครงการต่าง ๆ กำลังสร้างโอกาสและความมั่งคั่งร่วมกันให้แก่ภูมิภาคและทั่วโลก
ปักกิ่ง, 1 พฤศจิกายน 2568 /PRNewswire/ -- ภายใต้ท้องฟ้าสีอำพันของฤดูใบไม้ร่วง และท่ามกลางวัดวาอารามที่เก่าแก่หลายศตวรรษในเมืองคย็องจู สาธารณรัฐเกาหลี ผู้นำจากทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้มารวมตัวกันที่การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) ครั้งที่ 32 เพื่อหารือถึงอนาคตและความท้าทายร่วมกันของภูมิภาคแห่งนี้
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีนได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 32 และได้ส่งสุนทรพจน์เป็นลายลักษณ์อักษรถึงการประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจของเอเปก (APEC CEO Summit) เพื่อยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของจีนที่มีต่อความเปิดกว้าง พหุภาคีนิยม และความมั่งคั่งร่วมกัน
"เราควรกลับมายึดมั่นต่อพันธกิจดั้งเดิมของเอเปกอีกครั้ง และร่วมกันสร้างผลงานที่โดดเด่นให้แก่โลก ผ่านความร่วมมือของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มีชีวิตชีวาและเข้มแข็งยิ่งขึ้น" ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวในสุนทรพจน์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรที่การประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจของเอเปก
'การลงทุนในจีน หมายถึงการลงทุนในอนาคต'
ในการกล่าวถ้อยแถลงแก่เหล่าผู้นำจากทั่วภูมิภาค ในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 32 วาระช่วงที่ 1 (Session I) นั้น ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ให้คำมั่นว่าจีนจะดำเนินการปฏิรูปอย่างรอบด้านให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และขยายการเปิดประเทศอย่างมีมาตรฐานสูง เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและทั่วโลก ผ่านผลงานความสำเร็จล่าสุดจากการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยตามแบบจีน
มาตรการที่เป็นรูปธรรมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนต่อการเปิดกว้าง บัญชีรายชื่อข้อจำกัดระดับชาติสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศถูกลดเหลือเพียง 29 รายการ และได้ยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดในภาคการผลิตแล้ว ขณะเดียวกัน นโยบายการเดินทางแบบไม่ต้องขอวีซ่าครอบคลุมประเทศต่าง ๆ แล้วถึง 76 ประเทศ ผ่านทั้งการให้สิทธิโดยฝ่ายเดียวและแบบต่างตอบแทน ทำให้นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุน ทำงาน และใช้ชีวิตในประเทศจีนได้ง่ายกว่าที่เคยเป็นมา ดังที่ประธานาธิบดีจีนเน้นย้ำว่า "การเป็นหุ้นส่วนกับจีน หมายถึงการเปิดรับโอกาส การเชื่อมั่นในจีน หมายถึงการมองโลกวันพรุ่งนี้อย่างมีความหวัง และการลงทุนในจีน หมายถึงการลงทุนในอนาคต"
การเชื่อมโยงของจีนเข้ากับภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้เห็นได้จากข้อมูลการค้า ตามรายงานของสำนักงานศุลกากรแห่งประเทศจีน (General Administration of Customs of China) ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2568 การค้าระหว่างจีนกับเขตเศรษฐกิจสมาชิก APEC อื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า อยู่ที่มูลค่า 19.41 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 2.73 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 57.8 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งหมดของจีน
ในขณะเดียวกัน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เสถียรและมั่นคงของจีนยังคงเป็นปัจจัยสร้างความมั่นใจให้แก่ภูมิภาคและทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอกที่ทวีความรุนแรงขึ้น แต่จีนยังคงรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีไว้ที่ประมาณ 5.5 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจโลก 30 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณ
Sevim Dagdelen นักการเมืองชาวเยอรมันและสมาชิกสภากลาง Bundestag ของเยอรมนี กล่าวว่า จีนได้ส่งเสริมการสร้างกรอบความร่วมมือเอเชีย-แปซิฟิกที่เปิดกว้างและครอบคลุมมาโดยตลอด รวมทั้งรักษาและยึดมั่นระบบการค้าแบบพหุภาคีโดยมีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นศูนย์กลาง ซึ่งมีบทบาทเชิงบวกในการส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลกโดยรวม
'เส้นทางที่ถูกต้องในการก้าวสู่อนาคต'
ตามที่ประธานาธิบดีสีกล่าวไว้ว่า โลกในปัจจุบันกำลังยืนอยู่ที่ "จุดเปลี่ยนใหม่" ระหว่างความร่วมมือกันกับการใช้อำนาจครอบงำ (hegemonism) ในบริบทดังกล่าว เขาได้เรียกร้องให้ทุกประเทศเสริมสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ปฏิเสธการกีดกันหรือสร้างกำแพงการค้า ต่อต้านลัทธิเอกภาคีนิยม (unilateralism) และร่วมมือกันสร้างประชาคมเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและทั่วโลกในระดับกว้าง
เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนความร่วมมือดังกล่าว ประธานาธิบดีของจีนจึงเสนอข้อเสนอห้าประการในการกล่าวสุนทรพจน์ในวาระช่วงที่ 1 ได้แก่ การยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคี, การส่งเสริมเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่เปิดกว้าง, การปกป้องความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน, การผลักดันการค้าดิจิทัลและการค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการพัฒนาที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
แนวคิดเหล่านี้กำลังเริ่มกลายเป็นรูปธรรม แพลตฟอร์มที่ริเริ่มโดยจีน เช่น เครือข่ายท่าเรือ APEC (APEC Port Network) และเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain Network) ได้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับการค้าดิจิทัลและการค้าอย่างยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จีนครองอันดับหนึ่งของโลกด้านการค้าสินค้า และอันดับสองด้านการค้าบริการ โดยสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้มากกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงรักษาอัตราการเติบโตของการลงทุนขาออกไว้ได้สูงกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีของจีนยังคงมีบทบาทในการขับเคลื่อนและเสริมศักยภาพให้แก่ประเทศคู่ค้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและทั่วโลก ตั้งแต่ท่าเรืออัจฉริยะในภูมิภาคลาตินอเมริกา ระบบชำระเงินผ่านมือถือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงโครงการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในตะวันออกกลาง และการผลิตรถไฟฟ้าในประเทศไทย ตัวอย่างทั้งหมดเหล่านี้ได้หลอมรวมเป็นภาพแห่งความก้าวหน้าร่วมกัน ที่หยั่งรากบนพื้นฐานของความเปิดกว้างและนวัตกรรม
ทัศนคติของสาธารณชนก็สะท้อนถึงภาพเดียวกันนี้ โดยผลสำรวจล่าสุดของสถานีโทรทัศน์ CGTN ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 83.2 จากทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกแสดงความเชื่อมั่นในกระบวนการบูรณาการระดับภูมิภาค ขณะที่ร้อยละ 84.6 เห็นพ้องว่าประเทศต่าง ๆ ควรยึดมั่นในระบบพหุภาคีและโลกาภิวัตน์
ขณะที่จีนเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC เป็นครั้งที่สามในปีหน้า สารสำคัญของจีนยังคงชัดเจนและมุ่งสู่อนาคตข้างหน้า ดังคำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กล่าวไว้ว่า "ขณะที่การเผชิญหน้าและความเป็นปฏิปักษ์ก่อให้เกิดแต่ความแตกแยกและความปั่นป่วน การร่วมมือกันอย่างเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นหนทางที่ถูกต้องในการก้าวไปสู่อนาคต"
https://news.cgtn.com/news/2025-10-31/How-China-champions-an-open-multilateral-Asia-Pacific-community-1HVhCfqEkCY/p.html


ภาษาไทย
English
แสดงความคิดเห็น