พื้นที่โฆษณา

ผลสำรวจ Sun Life ชี้ ความมั่นคงทางการเงินคือหัวใจของการวางแผนส่งต่อมรดก แต่หลายครอบครัวกังวลความมั่งคั่งอาจไม่ยั่งยืนถึงรุ่นลูกหลาน

พีอาร์ นิวส์ไวร์

PR Newswire

ชอบหน้านี้?
พีอาร์ นิวส์ไวร์ - ผลสำรวจ Sun Life ชี้ ความมั่นคงทางการเงินคือหัวใจของการวางแผนส่งต่อมรดก แต่หลายครอบครัวกังวลความมั่งคั่งอาจไม่ยั่งยืนถึงรุ่นลูกหลาน
  • 7 ใน 10 ชี้ว่า การสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับครอบครัว คือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการวางแผนส่งต่อมรดก
  • 59% ต้องการให้ทรัพย์สินที่ส่งต่อถูกนำไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
  • เกือบสองในสาม (60%) เกรงว่าทรัพย์สินที่สะสมไว้อาจไม่สามารถรักษาไว้ได้เกินกว่ารุ่นลูก
  • ผู้ตอบแบบสำรวจไม่ถึงหนึ่งในสามเชื่อว่าบุตรหลานจะสืบสานธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัว
  • ผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 19% รู้สึกว่าตนเองเตรียมจัดการมรดกไว้อย่างพร้อมสมบูรณ์

ฮ่องกง, 31 ตุลาคม 2568 /PRNewswire/ -- ผลสำรวจใหม่จาก Sun Life Asia เผยให้เห็นว่า แม้ความมั่นคงทางการเงินจะเป็นที่ยอมรับว่าเป็นรากฐานสำคัญในการวางแผนส่งต่อมรดกทั่วภูมิภาค แต่มีผู้ตอบแบบสำรวจมากถึง 60% ที่กังวลว่า ความมั่งคั่งของครอบครัวอาจไม่ยั่งยืนไปถึงรุ่นลูกหลาน ซึ่งย้ำให้เห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการวางแผนอย่างมีระบบและเสริมสร้างความรู้ทางการเงินในเรื่องนี้

การสำรวจความคิดเห็นในหัวข้อ Passing the torch: Building lasting legacies in Asia (ส่งต่อคบเพลิง: สร้างมรดกยั่งยืนในเอเชีย) ได้สำรวจผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 3,000 ราย ครอบคลุมเขตปกครองพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม เพื่อฉายภาพทัศนคติ พฤติกรรม และความมุ่งหวังที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนส่งต่อมรดกในภูมิภาคเอเชีย

ปัจจุบัน เอเชียกำลังเผชิญกับการถ่ายโอนความมั่งคั่งข้ามรุ่นครั้งใหญ่ที่สุดในทศวรรษหน้า การวางแผนมรดกที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นวาระสำคัญที่ครอบครัวทั่วภูมิภาคนี้ต้องเข้ามาจัดการ ไม่ใช่เพียงแค่ในส่วนของสินทรัพย์ทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรักษาค่านิยม ธรรมเนียมปฏิบัติ และโอกาสสำหรับคนรุ่นหลังให้คงอยู่ต่อไปด้วย

สร้างมรดกแห่งความมั่นคงและโอกาส

ผู้ตอบแบบสอบถาม 7 ใน 10 ราย (70%) ให้ความเห็นว่า การมีแผนคุ้มครองเพื่อสร้างหลักประกันทางการเงินให้ครอบครัว คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการวางแผนมรดก รองลงมาคือการจัดทำแผนจัดการทรัพย์สินที่ชัดเจนและสื่อสารอย่างราบรื่น เพื่อลดความสับสนหรือข้อพิพาท (53%) และการสร้างความมั่งคั่งให้มากพอที่จะส่งต่อสู่คนรุ่นถัดไป (48%)

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต้องการให้ทรัพย์สินที่ส่งต่อถูกนำไปต่อยอดการเติบโตในระยะยาว โดย 59% ต้องการให้มรดกของตนถูกลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว ไม่ว่าจะผ่านสินทรัพย์ทางการเงิน ประกันชีวิต หรือธุรกิจครอบครัว ขณะเดียวกัน ผู้คนในสัดส่วนที่เท่ากันก็ต้องการให้มรดกนั้นถูกใช้เพื่อตอบสนองความจำเป็นพื้นฐาน เช่น ที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพ (59%) ตามมาด้วยการสนับสนุนด้านการศึกษา ตั้งแต่ระดับโรงเรียนไปจนถึงวิทยาลัยหรือการฝึกอบรมสายอาชีพ (56%)

กังวลว่ามรดกจะไม่ยั่งยืนถึงรุ่นต่อไป

ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบสองในสาม (60%) กังวลว่า ความมั่งคั่งที่สะสมไว้อาจไม่สามารถสืบทอดไปได้เกินกว่ารุ่นลูก และกว่าครึ่ง (55%) หวั่นใจว่าทายาทจะไม่มีความพร้อมทางการเงินในการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ได้รับมรดก สะท้อนให้เห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการเสริมสร้างความรู้ทางการเงิน และเปิดใจพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาในครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องเงิน มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 31% เท่านั้นที่เชื่อมั่นว่าบุตรหลานจะสามารถดำเนินการตามความประสงค์ในการโอนถ่ายความมั่งคั่ง รักษามูลค่าทรัพย์สิน และต่อยอดให้เติบโตต่อไปได้

ความกังวลนี้เด่นชัดที่สุดในกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวย โดย 28% ระบุว่าตนเอง "กังวลอย่างยิ่ง" ในเรื่องการรักษาความมั่งคั่ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ยิ่งความมั่งคั่งสูงเท่าใด ก็ยิ่งมีความรับผิดชอบและเดิมพันที่ต้องดูแลสูงขึ้นตามไปด้วย

คุณ David Broom ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าและการจัดจำหน่ายของ Sun Life กล่าวว่า "เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนว่าครอบครัวต่าง ๆ ให้ความหมายของมรดกอย่างไร จากเดิมที่จำกัดอยู่แค่ความมั่งคั่ง ก็ขยายจนรวมถึงความมั่นคงทางการเงิน การศึกษา และการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายสำหรับคนรุ่นหลัง แม้ผลสำรวจนี้จะชี้ว่ามีช่องว่างระหว่างความตั้งใจกับการลงมือปฏิบัติจริง แต่ก็เป็นสิ่งย้ำเตือนถึงความจำเป็นในการวางแผนเชิงรุก ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเปิดวงพูดคุยในครอบครัว เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งทรัพย์สินและค่านิยมของครอบครัวจะได้รับการสืบทอดอย่างยั่งยืน"

มรดกไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คือความหมายที่มีคุณค่า

ครอบครัวในเอเชียให้คำจำกัดความมรดกในมิติที่ซับซ้อนหลากหลาย เมื่อถามถึงประเภทมรดกที่ปรารถนาจะส่งต่อ ผู้ตอบแบบสอบถาม 41% ระบุว่าคือการส่งต่อความมั่งคั่ง ซึ่งรวมถึงเงินสด อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์มีค่าอื่น ๆ เช่น ธุรกิจครอบครัว รองลงมาคือธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัว (15%) และความต้องการที่จะสร้างอิทธิพลเชิงบวกต่อครอบครัวและมิตรสหาย (13%)

ความกังวลไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องการเงิน แต่ขยายไปถึงการรักษาค่านิยมของครอบครัวด้วย โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 31% เท่านั้นที่เชื่อว่าบุตรหลานจะสืบสานธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัวต่อไป ปัจจัยสำคัญที่ถูกยกมากล่าวถึงคือ ลำดับความสำคัญของคนรุ่นใหม่ที่แตกต่างกัน (58%) การมีส่วนร่วมในครอบครัวที่ลดลง (39%) การตีความค่านิยมที่คลาดเคลื่อน (30%) และความผูกพันระหว่างรุ่นที่อ่อนแอลง (29%)

คุณ David Broom ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าและการจัดจำหน่ายของ Sun Life กล่าวว่า "ครอบครัวในปัจจุบันมองว่า มรดกมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่าแค่ทรัพย์สินทางการเงินที่ได้รับสืบทอดเท่านั้น แต่คือการสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนผ่านการขับเคลื่อนการเติบโตทางการเงิน สนับสนุนด้านการศึกษาและสุขภาพ ไปจนถึงการเปิดประตูสู่โอกาสในระดับโลก ผู้คนต้องการให้ความมั่งคั่งของตนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่สำหรับวันนี้ แต่เพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนที่ส่งต่อประโยชน์ไปสู่คนรุ่นหลังได้จริง"

แม้ตระหนักรู้มากขึ้น แต่ความพร้อมยังมีน้อย

แม้ความตระหนักในการวางแผนส่งต่อมรดกจะเพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค แต่ระดับความพร้อมในการดำเนินการกลับยังมีน้อย มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 19% เท่านั้นที่รู้สึกว่าตนเองเตรียมการเรื่องมรดกไว้พร้อมสมบูรณ์หากพวกเขาต้องจากไปในวันนี้ และตัวเลขนี้ก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 29% ในกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวย และมีเพียง 10% ที่ดำเนินการจัดทำและสื่อสารแผนมรดกเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เกือบครึ่ง (45%) ยอมรับว่ามีแผนเพียงบางส่วน และ 31% เปิดเผยว่า ยังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย

แม้จะมีความตระหนักรู้สูงเกี่ยวกับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น พินัยกรรม ทรัสต์ และที่ปรึกษา แต่การนำไปใช้จริงกลับมีน้อยมาก โดย 7 ใน 10 (70%) ทราบเกี่ยวกับพินัยกรรมและเอกสารวางแผนจัดการทรัพย์สิน แต่มีเพียง 38% เท่านั้นที่ใช้จริง ในทำนองเดียวกัน 67% ทราบว่ามีที่ปรึกษาทางการเงิน แต่มีเพียง 36% ที่เคยขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากนี้ การพูดคุยเรื่องมรดกส่วนใหญ่ยังขาดโครงสร้างที่เป็นระบบ เกือบครึ่ง (44%) ของการสนทนาเกี่ยวกับการวางแผนมรดกในปัจจุบันเป็นไปอย่างไม่เป็นทางการหรือพูดคุยกันเองแบบสบาย ๆ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่ทางเลือกที่ผู้คนต้องการ เนื่องจากมีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 27% เท่านั้นที่ระบุว่านี่คือรูปแบบที่ดีที่สุด

คุณ David Broom ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าและการจัดจำหน่ายของ Sun Life กล่าวว่า "ครอบครัวมีการพูดคุย แต่ขาดการวางแผน แม้ผู้คนจะตระหนักถึงความจำเป็นในการเปิดใจคุยเรื่องความมั่งคั่งและมรดกกันมากขึ้น แต่การสนทนาส่วนใหญ่ยังขาดโครงสร้างที่เป็นระบบและการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทำให้การตัดสินใจสำคัญในเรื่องมรดกยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน การจัดให้มีการหารืออย่างเป็นทางการร่วมกับทุกคนในครอบครัว จะช่วยสร้างความชัดเจน ป้องกันความขัดแย้ง และส่งต่อมรดกได้ยั่งยืนยิ่งขึ้น"

ความรู้ทางการเงินคือมรดกที่มีค่าของครอบครัว

หลายครอบครัวกำลังให้ความสำคัญในการเปลี่ยนการให้ความรู้ทางการเงินเป็นมรดกอีกรูปแบบหนึ่ง ด้วยการส่งต่อความรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการเงิน เมื่อถามถึงสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว หรือวางแผนที่จะทำเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคนรุ่นหลัง ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ระบุว่า พวกเขากำลังแบ่งปันประสบการณ์ทางการเงินส่วนตัว (54%) เปิดอกคุยเรื่องการเงิน (53%) และสอนพื้นฐานทางการเงิน (53%)

ความต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนมรดกก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 37% ได้ติดต่อที่ปรึกษาแล้ว ขณะที่ 42% วางแผนที่จะทำเช่นกัน กลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวยเป็นผู้นำ โดย 58% ได้ขอรับคำแนะนำแล้ว ขณะที่เกือบครึ่งของกลุ่ม Gen Z (47%) ตั้งใจที่จะทำในอนาคต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญกับการขอรับการสนับสนุนที่มีโครงสร้างชัดเจน

คุณ David Broom ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าและการจัดจำหน่ายของ Sun Life กล่าวว่า "ผู้คนทุกวันนี้ต้องการส่งต่อสิ่งที่มากกว่าแค่ความมั่งคั่ง พวกเขาปรารถนาที่จะมอบทั้งความรู้และค่านิยมให้กับคนรุ่นต่อไป เพื่อให้บริหารจัดการมรดกได้อย่างชาญฉลาด เมื่อความรู้ทางการเงินกลายมาเป็นส่วนสำคัญของมรดกที่ต้องส่งต่อ เราจึงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ครอบครัวต่าง ๆ วางแผนและสร้างมรดกที่ยั่งยืน โดยให้คำแนะนำและความรู้ทางการเงินที่เชื่อถือได้ เพื่อช่วยเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างความตั้งใจกับความมั่นใจ"

อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Sun Life

Sun Life เป็นองค์กรผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากลชั้นนำ ซึ่งมอบโซลูชันการบริหารจัดการสินทรัพย์ ความมั่งคั่ง การประกัน และสุขภาพให้แก่ลูกค้าบุคคลและสถาบัน Sun Life มีการดำเนินงานในตลาดหลายแห่งทั่วโลก ทั้งแคนาดา สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย จีน ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และเบอร์มิวดา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 Sun Life มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวม 1.54 ล้านล้านดอลลาร์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sunlife.com

บริษัท Sun Life Financial Inc. จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (TSX) ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ (PSE) ภายใต้สัญลักษณ์ SLF

หมายเหตุ: ตัวเลขทั้งหมดเป็นสกุลดอลลาร์แคนาดา เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น

ติดต่อฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์: Iris Ng, Account Director, Sandpiper โทร: +85298383501, Iris.ng@sandpipercomms.com; Becky Marshall, Director, Communications, Sun Life Asia โทร: +8526170312, Becky.marshall@sunlife.com

โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/2809213/Sun_Life_Asia_Sun_Life_Survey_Reveals_Financial_Security_Tops_Le.jpg?p=medium600


ที่มา : ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - ผลสำรวจ Sun Life ชี้ ความมั่นคงทางการเงินคือหัวใจของการวางแผนส่งต่อมรดก แต่หลายครอบครัวกังวลความมั่งคั่งอาจไม่ยั่งยืนถึงรุ่นลูกหลาน https://www.prnasia.com/asia-story/archive/4811119_TH11119_10

ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้จัดทำโดย ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านข่าวของเรา ความคิดเห็นของผู้เขียนและเนื้อหาที่แบ่งปันในหน้านี้ถือเป็นความคิดเห็นของตนเอง และอาจไม่จำเป็นต้องแสดงถึงมุมมองของ ไทย พีอาร์ นิวส์

แสดงความคิดเห็น

พื้นที่โฆษณา