

ขณะที่การประชุมครั้งแรกของกลไกการปรึกษาหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ กำลังจะดำเนินต่อในวันอังคารที่กรุงลอนดอน CGTN ได้เผยแพร่บทความที่กล่าวถึงความสำคัญของการเจรจาที่ทั่วโลกจับตามอง รวมถึงความคาดหวังจากประชาคมโลก พร้อมเน้นย้ำท่าทีและจุดยืนของจีนที่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือจีน-สหรัฐฯ ในการแสวงหาผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
ปักกิ่ง, 11 มิถุนายน 2568 /PRNewswire/ — การประชุมกลไกปรึกษาหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ครั้งแรกมีกำหนดดำเนินต่อเป็นวันที่สองในวันอังคาร ณ กรุงลอนดอน
การประชุมซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกเข้าร่วมนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ และส่งสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดโลก
การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน และประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐฯ เพียงไม่กี่วัน โดยมีเป้าหมายในการผลักดันฉันทามติที่ทั้งสองผู้นำได้บรรลุร่วมกัน และส่งเสริมการสนทนาและความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและการค้าต่อไป
He Lifeng รองนายกรัฐมนตรีของจีน เป็นผู้นำคณะผู้แทนจีนในการเจรจาที่ลอนดอน ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ นำโดยรัฐมนตรีคลัง Scott Bessent และรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ร่วมกับผู้แทนการค้า Jamieson Greer
ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่รุนแรง
การเจรจาในกรุงลอนดอนนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการหารือที่กรุงเจนีวาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันชะลอการปรับขึ้นภาษีศุลกากร และจัดตั้งกลไกปรึกษาหารือเพื่อสานต่อการเจรจา
การพบกันที่เจนีวาถือเป็นการเจรจาแบบเผชิญหน้าครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสองประเทศ นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีสินค้าจีนในอัตราสูงเมื่อเดือนเมษายน และจีนได้ตอบโต้ด้วยมาตรการที่เข้มข้นเช่นกัน
การขึ้นภาษีนั้นไม่เพียงแต่กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วย เช่น ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น การบริโภคที่ลดลง และความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
จากผลสำรวจของ Harris Poll ที่จัดทำให้ Bloomberg News เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม พบว่าชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังลดค่าใช้จ่ายลง และจากการสำรวจของ Bank of America พบว่าการจัดสรรสินทรัพย์ในสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ ขณะเดียวกัน ธนาคารสหรัฐฯ JP Morgan และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ต่างประเมินว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยมีอยู่ถึง 40%
ความร่วมมือคือทางออกเดียว
จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่น่ากังวลเหล่านี้ ประธานาธิบดี Xi ได้เน้นย้ำว่า การเจรจาและความร่วมมือเป็นทางเลือกที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวของสองประเทศ เขายังชื่นชมว่าการเจรจาที่เจนีวาเป็นก้าวสำคัญในการคลี่คลายข้อขัดแย้ง และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้กลไกปรึกษาหารือทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างเต็มที่ เพื่อแสวงหาผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ภายใต้หลักความเท่าเทียมและการเคารพในข้อกังวลของกันและกัน
"จีนมีความจริงใจในการเจรจาครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็มีหลักการของตนเอง" Xi กล่าว
ท่าทีเชิงบวกของตลาดยังสะท้อนถึงคำกล่าวของประธานาธิบดี Xi โดยมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจคลี่คลายลง นอกจากนี้ ความต้องการขนส่งสินค้ายังพุ่งสูงขึ้นหลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างสองผู้นำ ทำให้อัตราค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น และดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500, Nasdaq และ Dow Jones ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน
Wu Zewei นักวิจัยพิเศษประจำ Sushang Bank กล่าวว่า การเจรจาที่ลอนดอนคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างแนวโน้มความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เขาระบุว่า แม้การเจรจาในลอนดอนจะไม่ง่ายและต้องอาศัยการหารือในเชิงลึก แต่การประชุมที่เจนีวาก็ได้วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับความร่วมมือแล้ว และการสนทนาทางโทรศัพท์ของผู้นำทั้งสองประเทศก็ได้กำหนดทิศทางสำหรับการเจรจาในอนาคต
"ความร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังมีศักยภาพอีกมาก ในอนาคตทั้งสองประเทศยังสามารถบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันและผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ สร้างความรุ่งเรืองร่วมกัน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองฝ่ายให้ดียิ่งขึ้น" Wu กล่าว
https://news.cgtn.com/news/2025-06-10/China-U-S-trade-talks-in-London-receive-positive-market-reception-1E5rasK1P8I/p.html

แสดงความคิดเห็น